เจาะเทรนด์และโอกาสธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ปี 2025

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คลินิกเสริมความงาม และวงการ เวชศาสตร์ความงาม ในไทย มีความคึกคักอย่างมาก สังเกตได้จากคิวจองที่แน่นขึ้น หรือมีผู้มาใช้บริการทรีตเมนต์ หัตถการจำนวนมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะตลาดคลินิกความงามในไทยกำลังเข้าสู่ “ยุคทอง” ที่มีมูลค่าการตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ 1.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.67 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 11.6% ต่อปีเลยทีเดียว แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ “พฤติกรรม” ของลูกค้าก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วยเช่นกัน

เทรนด์เกาหลีคือโจทย์ใหม่ของคลินิกไทย

ทุกวันนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับเรฟเฟอเรนซ์จากโซเขียลมีเดียหรือซีรีส์เกาหลี เพราะอยากได้ผิวพรรณและใบหน้าที่เหมือนกับนักแสดงที่ชื่นชอบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคลินิกเสริมความงามในไทย เนื่องจากมีการนำนวัตกรรมและเทคนิคใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการทำหัตถการอย่างต่อเนื่อง จากความร่วมมือกับบริษัทต้นตำรับจากเกาหลี เพื่อนำเทคนิคและการฝึกอบรมที่ล้ำสมัยมาใช่กับคลินิกของตนเอง

อย่างไรก็ตาม การทำหัตถการใด ๆ ล้วนต้องการการให้คำปรึกษาอย่างละเอียด รวมถึงต้องมีการนัดหมาย ติดตามผล และวางแผนคอร์สในระยะยาว ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องให้ความสำคัญกับการให้บริการเหล่านี้

คลินิกที่สามารถจัดการแผนการรักษาที่มีความซับซ้อนเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น ตั้งแต่การนัดหมายจองคิว จึงเป็นคลินิกที่เอาชนะใจลูกค้าได้ เพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง รวมถึงทำให้พวกเขาอยากกลับมาใช้บริการซ้ำ ซึ่งต่างจากคลินิกที่ยังใช้ระบบเดิม ๆ และไม่ปรับตัว

ยุคทองของ “หัตถการความงาม” แบบไม่ผ่าตัด

เทรนด์ความงามที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ คือหัตถการแบบไม่ผ่าตัด (Non-invasive) ซึ่งคาดว่าตลาดนี้จะเติบโตถึง 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.3 แสนล้านบาท) ภายในปี 2030 ด้วยอัตราการเติบโต 18.3% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าหัตถการแบบผ่าตัดเกือบสองเท่า

การทำหัตถการไม่ผ่าตัดส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ เพราะนั่นหมายความว่าลูกค้าจะมาใช้บริการที่คลินิกบ่อยขึ้น แต่คลินิกก็จำเป็นต้องมีจัดการบริหารที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการจองคิวนัดหมาย และการจัดตารางเวลาในการทำหัตถการต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า เช่น

· การให้คำปรึกษาเบื้องต้นและการวิเคราะห์สภาพผิว

· คอร์สเลเซอร์ที่ต้องเว้นระยะห่างหลายสัปดาห์

· ทรีทเมนต์บำรุงรักษารายเดือน

· การปรับเปลี่ยนทรีทเมนต์ตามฤดูกาล

หากยังคงใช้วิธีจัดการจองคิวแบบเดิม ๆ ก็อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอีกต่อไป ไม่ต่างจากการบริหารร้านอาหารสมัยใหม่ ด้วยสมุดจดคิว ที่อาจเกิดความผิดพลาด และทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจได้ และส่งผลต่อรายได้ของคลินิกตามมา

Medical Tourism โอกาสของคลินิกความงาม

ประเทศไทยมีชื่อเสียงในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาใช้บริการ่คลินิกเสริมความงามได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มักจะวางแผนการรักษาให้เข้ากับตารางวันหยุดของตนเอง และต้องการการให้คำปรึกษาก่อนเดินทางมาถึงอย่างละเอียด รวมถึงต้องการการประสานงานที่ราบรื่นระหว่างการนัดหมายด้วย โดยลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะจองเป็นแพ็กเกจ, คาดหวังการสื่อสารภาษาอังกฤษ และต้องการเข้าถึงข้อมูลในการรักษาของตนเองได้ง่ายจากต่างประเทศ ดังนั้นคลินิกที่สามารถตอบโจทย์การให้บริการรัดับพรีเมียมเหล่านี้ได้ จะสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าในการให้บริการระดับสากล และสามารถกำหนดราคาทพรีเมียมขึ้นได้

“ความสะดวก” คือมาตรฐานใหม่ของการจอง

เมื่อลูกค้ายอมจ่ายเงินเพื่อมาใช้บริการทรีตเมนต์ และหัตถการที่มีราคาสูง ต่างก็คาดหวังว่าจะได้รับ “ความสะดวกสบาย” ในระดับเดียวกันกับการจองโรงแรมหรือสั่งอาหาร นั่นคือสามารถจองคิวออนไลน์ได้ด้วยตัวเองและเห็นข้อมูลทั้งหมดได้ทันที

โดยผลสำรวจล่าสุดชี้ว่าคนไทยกว่า 73% ต้องการจองบริการด้านสุขภาพทางออนไลน์ แต่ปัจจุบันคลินิกความงามหลายแห่งยังคงยึดติดกับการรับโทรศัพท์จากลูกค้า ซึ่งถือเป็น “อุปสรรค” ที่ทำให้คุณอาจสูญเสียลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังซื้อสำคัญไปโดยไม่รู้ตัว FoxConnect จึงเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ปัญหานี้ โดยข่วยให้คลินิกสามารถให้บริการจองที่สะดวกสบายกับลูกค้า ด้วยระบบจองคิวออนไลน์ผ่านแอปฯ LINE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้าของคุณใช้อยู่ทุกวัน

สูตรสำเร็จของคลินิกยุคใหม่

คลินิกที่เติบโตในยุคนี้ ไม่ใช่แค่คลินิกที่มีอุปกรณ์ที่แพงที่สุดหรืออยู่ในทำเลที่ดีที่สุด แต่คือคลินิกที่เข้าใจ “ประสบการณ์ของลูกค้า” อย่างลึกซึ้ง สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่่การติดต่อครั้งแรกไปจนถึงการติดตามผลครั้งสุดท้าย

คลินิกที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้มีสิ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ ทำให้การจองนัดหมายออนไลน์เป็นเรื่องง่าย, ส่งข้อความเตือนนัดอัตโนมัติช่วยลดการไม่มาตามนัด, เก็บประวัติลูกค้าอย่างละเอียดเพื่อการดูแลที่รู้ใจ และพร้อมปรับตัวรับเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

นอกจากนี้ ยังมีระบบจัดการที่ดี ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งการติดตามข้อมูลลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ทราบความต้องการของลูกค้าจากประวัติการใช้บริการ จึงสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างตรงจุด และทำให้ลูกค้าพึงพอใจในการใช้บริการ

“เทคโนโลยี” ความได้เปรียบที่มองข้ามไม่ได้

อย่ามองว่าเทคโนโลยีเป็นแค่ “ค่าใช้จ่าย” เพราะนี่คือ “ความได้เปรียบในการแข่งขัน” สำหรับคลินิกเสริมความงามที่มีการแข่งขันกันสูงในปัจจุบัน ดังนั้น ระบบจัดการคลินิกที่ทันสมัยจึงเข้ามาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นทั้งสำหรับทีมงานและลูกค้าของคุณ

ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่ลูกค้าต้องการทำคอร์สเลเซอร์แต่มีตารางงานที่ยุ่ง ลูกค้าสามารถดูคิวว่าง และจองคอร์สได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งรับการแจ้งเตือนอัตโนมัติได้ในไม่กีนาที ซึ่งสะดวกกว่าการจองคิวแบบเดิม ๆ ที่ต้องโทรไปที่คลินิก เพื่อเช็กคิวว่างของแพทย์

เมื่อเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า จึงสร้างความประทับใจ และทำให้อยากกลับมาใช้บริการซ้ำ อยากบอกต่อคนอื่น ขณะที่ทีมงานของคุณก็มีเวลาดูแลลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการรับโทรศัพท์เพื่อรับจองคิว

เตรียมคลินิกให้พร้อม เพื่อการเติบโตในอนาคต

ตลาดคลินิกเสริมความงามของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอิทธิพลจากเทรนด์ความงามของเกาหลี ความนิยมในการทำหัตถการไม่ผ่าตัดที่เพิ่มขึ้น และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่เติบโตขึ้น จึงเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจคลินิกความงามในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม คลินิกที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการเติบโตนี้ ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วย ตั้งแต่การสอบถามข้อมูลครั้งแรกไปจนถึงการบำรุงรักษาในระยะยาว มากกว่าแค่การเพิ่มบริการใหม่ ๆ เข้ามาในคลินิก

การที่คลินิกจะเติบโตต่อไปในอนาคต ต้องสามารถผสานทั้งฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยม และประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ทันสมัย เพราะลูกค้าต่างคาดหวังประสบการณ์ที่ราบรื่น เป็นมืออาชีพ และสะดวกสบาย

เมื่อเห็นโอกาสทางธุรกิจอยู่ตรงหน้า และเจ้าของธุรกิจมีทางเลือก จึงขึ้นว่าคลินิกเสริมความงามของคุณพร้อมจะปรับตัว และคว้าโอกาสนั้นไว้ ด้วยการนำเครื่องมือบริหารจัดการที่ทรงประสิทธิภาพมาใช้หรือไม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ตลอดเส้นทาง